4 กันยายน 2560
Posted by Purio Admin
มาดู 10 อันดับ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของญี่ปุ่นของปี 2016 (2/2)

จากคราวที่แล้วที่เราได้ชม TOP 6 - 10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของญี่ปุ่นในปี 2016 กันไปแล้ว วันนี้เราจะมาดูกันว่า TOP 5 ฮอตฮิตติดลมบนเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีในปี 2016 จะเป็นยังไงบ้าง มาดูกันเลยค่ะ ^ 0 ^,,

 

5.Kamikochi (Taisho pond, Kappa bridge area) (เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนางาโน)

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม – ปลายเดือนตุลาคม

คามิโคจิเป็นเป็นหุบเขาที่อยู่บนที่ราบสูงในจังหวัดนางาโน มีแม่น้ำอาซุสะสีสวยใสไหลผ่าน มีสะพานที่ชื่อว่ากัปปะที่เรียกได้ว่าเป็นพระเอกแห่งคามิโคจิ และเป็น Photo spot ที่นิยมกันมากๆจุดหนึ่ง นอกจากนี้ที่ยังมีบึงไทโช ที่มีต้นไม้จมน้ำตั้งเด่นอยู่กลางน้ำ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อแม่น้ำอะซุสะถูกปิดกั้นหลังโดยธรรมชาติจากการระเบิดของภูเขาไฟยาเคดาเกะในปีค.ศ. 1915

สามารถเดินทางโดยรถไฟ JR มาลงที่สถานี Matsumoto แล้วขึ้นรถบัสจากสถานีมาลงที่สถานี Kamikochi Bus Terminal 1 ชั่วโมง 35 นาทีค่ะ

 

4. Nasu Kogen (Nasu-dake) (เมืองนะสึ จังหวัดโทชิงิ)

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี : ต้นเดือนตุลาคม – ปลายเดือนตุลาคม

ที่ราบสูงนะสึ (Nasu Kogen) เป็นสถานที่ๆสามารถชื่นชมธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี อย่างบ่อน้ำพุร้อนชิโอะบะระอีกด้วย จึงกลายเป็นเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่สามารถเห็นทิวทัศน์แดงเหลืองในมุมกว้างจากยอดเขาและเหมาะสำหรับผู้ที่อยากลองปีนเขาแต่คิดว่าตัวเองไม่อึดพอ เพราะคอร์สปีนเขาของที่นี่เป็นคอร์สสั้นๆ ใช้เวลาไม่นานมากค่ะ นอกจากนี้ สำหรับใครที่เหนื่อยล้าจากการปีนเขาก็สามารถแวะไปแช่ออนเซ็นให้คลายความเมื่อยล้าได้ที่ Nasu-Yumoto ที่ตั้งอยู่ก่อนปากทางลงได้ค่ะ

สำหรับการเดินทางสามารถเดินทางโดยนั่งรถ Higashino-Kotsu Bus จากสถานี Kuroiso สาย Utsunomiya ของ JR East มาประมาณ 15 นาทีค่ะ

 

3. Daisetsuyama (Kurokake) (เมืองคามิคาวะ จังหวัดฮอกไกโด)

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนกันยายน – ปลายเดือนกันยายน

ภูเขาไดเซ็ทสึ ฝั่งคุโรคาเคะ เป็นอีกฝั่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในเกาะฮอกไกโดค่ะ และมีเสน่ห์อย่างยิ่งในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยวบนภูเขาที่มีความหลากหลายด้วยล่ะ โดยการที่จะพิชิตยอดเขาของที่นี่ได้นั้นต้องผ่านหมู่บ้านที่มีชื่อว่า โซอุนเคียว ซึ่งเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกแห่งดาวตก (Ryusei Waterfall) น้ำตกแห่งแม่น้ำสีเงิน(Ginga Waterfall) ก้อนหินลาวา Obako หรือแม้แต่ Momijidani ที่เราสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติได้เป็นระยะทาง 700 เมตร แค่คิดภาพใบไม้แดงเต็มไปหมด ยังไม่ทันได้ไปเห็นกับตาแต่ก็รู้สึกดีแล้วล่ะค่ะ!

การเดินทางสามารถนั่งรถไฟมายังสถานี Kamikawa และเปลี่ยนมานั่งรถบัสต่อมาอีกประมาณ 30 นาที ก็จะถึงหมู่บ้านโซอุนเคียวประตูสู่ยอดเขาภูเขาไดเซ็ทสึ ฝั่งคุโรคาเคะ ล่ะ! (สำหรับบางโรงแรมของหมู่บ้านนี้ก็มีบริการ Shuttle bus รับเพื่อนๆมาจากสถานี Asahikawa หรือ แม้แต่ Sapporo ก็ยังมีนะ)

 

2. Central Alps Senjyojiki curl (เมืองโคมากาเนะ จัวหวัดนางาโน)

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม

หลายๆคนอาจจะรู้จัก Northern  Alps หรือกำแพงน้ำแข็งอย่าง Tateyama Alpine route ซึ่งที่นี่จะเป็นอีกเทือกเขาหนึ่งที่มีภูมิทัศน์สวยงามไม่แพ้กัน แถมยังสามารถมาท่องเที่ยวได้ 4 ฤดูอีกด้วย โดยเพื่อนๆสามารถเดินทางมาได้โดย รถไฟ มาลงที่สถานี Komagane สาย Iida จากนั้นนั่ง Route bus มานั่งกระเช้าจากสถานี Shirabidaira ไปยังสถานี Senjojiki ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีค่ะ

 

1. Metasequoia Namiki (เมืองทาคาชิมะ จังหวัดชิงะ)

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม

ใครที่ไปท่องเที่ยวล่องทะเลสาบบิวะแล้ว มาต่อที่ศาลเจ้าชิราฮิเกะ(Shirahige Jinja)แล้ว ก็สามารถแวะเวียนเดินทางมาที่แห่งนี้ได้ค่ะ โดยมีต้นสนเรียงรายกว่า 500 ต้น ที่เปลี่ยนเป็นสีส้มแดงอร่ามตรึงตาทุกคู่เป็นระยะทางกว่า 2.5 กิโลเมตร เชื่อได้เลยว่าถ้าได้เดินใต้ร่วมไม้สนบนถนนเส้นนี้ก็คงจะฟินอีเดียวล่ะค่ะ โดยสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด คือสถานี Makino สาย Kosei ของ JR West จากนั้นจะค่อยๆเดินไปหรือนั่งรถแท็กซี่ไประยะทางประมาณ 2.5 กม.ค่ะ

 

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ TOP 10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของญี่ปุ่นในปี 2016 น่าไปกันใช่ไหมล่ะคะ? ผู้เขียนเองเห็นแล้วก็ตาลุกวาว อยากไปอยู่หลายที่ทีเดียวค่ะ สำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอยู่แล้ว แล้วตารางยังโหวงๆอยู่ ก็สามารถเลือกสถานที่เหล่านี้เข้าไปในทริปได้เช่นกันนะคะ สำหรับคราวนี้ต้องขอลากันไปก่อน แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะ สวัสดีค่า (^ 0 ^,,/

 

ขอขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก Walkerplus, Todd Cravens